โบ๊ท – ธารา ทิพา
โบ๊ท – ธารา ทิพา
คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์
ผลงานสร้างชื่อ: แสงเทียน, Mister Merman แฟนฉันเป็นเงือก, เพลิงนาคา
ความรู้สึกกับผลตอบรับจากละครเรื่องล่าสุด “เพลิงนาคา”
ขอบคุณสำหรับคำชมครับ ละครเรื่องนี้แสดงยากมาก เพราะเป็นแนวแฟนตาซี ต้องเล่นกับ CG (Computer Graphic) เยอะมาก ขั้นตอนการถ่ายทำจึงซับซ้อน แต่ก็ดีใจที่คนดูชอบบทบาท “ริว” ของผม เพราะบทนี้มีมิติ มีอะไรให้เล่นได้เยอะ และบทค่อนข้างเด่น พอผลตอบรับเป็นกระแสบวกก็รู้สึกดีใจ หายเหนื่อย และขอขอบคุณแทนทีมงานทุกคนด้วยครับ
เสน่ห์ของบท “ริว” อยู่ตรงไหน
ตัวละครริวมีทั้งชาติปัจจุบัน และอดีตชาติที่เป็นพญานาค บทในอดีตชาติเป็นพญานาคที่มีความดุร้ายและเลือดเย็น ส่วนริวในชาติปัจจุบันเวลาอยู่คนเดียวเขามีคาแรกเตอร์เป็นแบบหนึ่ง คือค่อนข้างเงียบๆ แต่พออยู่กับพี่สาวหรือกับพระเอก ก็จะมีอีกบุคลิกที่ซุกซนหน่อยๆ ในขณะเดียวกันก็มีสัมผัสพิเศษเพราะเป็นพลังมาจากอดีตชาติ และมีความแข็งแกร่งพอจะไปสู้กับพี่อั้ม-อธิชาติ บุคลิกจึงต่างกันมาก ความยากอยู่ตรงที่ริวในชาติปัจจุบันต้องมีอินเนอร์เป็นมนุษย์ แต่ขณะเดียวกันจะเล่นอย่างไรให้คนทั่วไปดูรู้ว่า จริงๆ แล้วเราไม่ใช่มนุษย์ปกติ จึงนับว่าเป็นบทที่มีเสน่ห์ที่สุดเท่าที่เคยเล่นมา
จริงๆ แล้วบทนี้แสดงยากไหม
ตอนแรกคิดว่าไม่น่ายาก เพราะเป็นเรื่องที่ 5 แล้ว และผมก็ผ่านบทดราม่ามาแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่ง่ายเลย ด้วยความละเอียดของผู้กำกับและความกลมของตัวละครที่มีมากกว่าที่เคยเล่นมา ทำให้ต้องทำการบ้านเยอะ ต้องมีสมาธิเยอะขึ้นเพื่อแตะตัวละครนี้ให้ถึง นอกจากนี้ยังต้องเล่นกับ CG ซึ่งคือการเล่นกับอากาศแทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ ยิ่งถ้าในซีนนั้นเล่นกับหลายคนก็จะยิ่งยาก อีกทั้งคาแรกเตอร์ยังพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่เวลาถ่ายทำจริง ไม่ได้ถ่ายทำต่อเนื่อง ทำให้เราต้องคีปคาแรกเตอร์ที่ต่อเนื่องกันในแต่ละฉากให้ได้ดีที่สุด
มีเทคนิคอย่างไรในการเข้าถึงตัวละคร
ผมจะอ่านนิยายต้นฉบับก่อน เพราะนิยายที่ปรับเป็นบทละคร มักไม่ค่อยลึกหรือเห็นมิติเท่ากับในหนังสือ การอ่านมาก่อนจะทำให้เราจินตนาการและพัฒนาตัวละครได้มากกว่า เพราะรู้ภูมิหลังของตัวละคร โดยเฉพาะเรื่องนี้ที่คาแรกเตอร์ลึก จึงควรจะอ่านก่อนเพื่อให้เข้าใจตัวละครมากขึ้น
มีบทอะไรที่อยากเล่นอีก
ผมอยากเล่นบทคอเมดี้ เพราะที่ผ่านมาเจอแต่บทดราม่า นิ่งๆ บทคอเมดี้น่าจะสนุกตั้งแต่เวลาอ่านบท รวมถึงเวลามาดูทีหลังตอนออนแอร์ แต่คงเล่นยากเพราะจังหวะคอเมดี้ถือเป็นอีกศาสตร์หนึ่งเลย และต้องมีสมาธิมากเวลาเล่น อีกบทที่อยากเล่นคือละครพีเรียด เพราะอยากลองใช้ภาษายากๆ และอยากเห็นตัวเองในอีกยุคหนึ่งที่ได้ใส่เสื้อผ้า ทำผมต่างจากปัจจุบัน ซึ่งเสน่ห์ของการแสดงอยู่ตรงนี้คือ ได้เล่นอะไรที่ตรงข้ามกับตัวเอง ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำในชีวิตจริงทั้งเรื่องอารมณ์และกิริยา
อนาคตอยากเป็นอะไร
ผมอยากเป็นผู้กำกับหนัง เพราะชอบดูหนังทั้งไทยและเทศมาตั้งแต่เด็ก จึงเป็นเหตุผลที่ผมเรียนคณะฟิล์ม ต่อให้ผมไม่ทำงานในวงการบันเทิง ผมก็เลือกเรียนภาพยนตร์อยู่ดี ตั้งใจว่าจะเก็บความคิดและประสบการณ์ให้เยอะๆ ก่อน แล้วค่อยลองกำกับหนังสักตอนอายุ 30 ไปแล้ว ผมเป็นคนชอบหนังที่แอคติ้งเรียลๆ ซึ่งต่างจากการเล่นละคร เพราะหนังคนต้องซื้อตั๋วเข้าไปดู เขาเลยจะตั้งใจดูมากกว่า จอก็ใหญ่มาก แต่ทีวี สมาธิคนดูจะไม่เท่าหนัง ขนาดจอก็เล็กกว่า ทำให้ต้องเล่นเยอะกว่าปกติ 20-30 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้ทะลุจอออกมา ถ้ามีโอกาสกำกับหนัง ก็อยากทำหนังไซไฟที่ออกแนวอาร์ตๆ เพราะรู้สึกว่าหนังไทยมีแต่อะไรเดิมๆ เช่น หนังผี ตลก หนังรัก แต่ผมก็เข้าใจบริบทของตลาดหนังไทยนะเพราะไม่มีใครกล้าเสี่ยงลงทุนเท่าเมืองนอก ผมจึงอยากเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้วงการภาพยนตร์บ้าง
เวลาว่างชอบทำอะไร
ผมชอบเล่นกีฬา เล่นบาส ว่ายน้ำ ฟิตเนส โดยเฉพาะปีนผาจำลองที่สนุกมาก เพราะเป็นโมเม้นต์ที่ในชีวิตจริงไม่ได้ทำ ได้อยู่กับตัวเอง มีความท้าทาย ได้ก้าวข้ามขีดความจำกัดของร่างกาย ต้องใช้สมาธิมาก และต้องคำนวณการปีนการใช้แรงให้ถูกต้อง โดยเฉพาะเรื่องสมาธิที่สามารถปรับใช้กับการแสดงได้มาก ทำให้เราแบ่งบาลานซ์ของสติได้ดีเหมือนตอนปีนผา
ชอบและไม่ชอบอะไรในตัวเด็กวัยรุ่นสมัยนี้
เอาที่ไม่ชอบก่อนแล้วกันนะครับ ตบหัวก่อนแล้วค่อยลูบหลัง (หัวเราะ) ผมไม่ชอบเด็กที่ข้ามวัฒนธรรมที่ดีงามของไทย ไม่เห็นค่า ไม่ใส่ใจ และบางคนสมาธิสั้น ใจร้อน อาจเป็นเพราะติดสื่อโซเชียลที่อะไรๆ ก็รวดเร็ว ส่วนข้อดีคือ เด็กมีความคิดที่ค่อนข้างหลากหลายและแตกต่าง กล้า และเชื่อมั่นในตัวเอง ซึ่งถ้าเชื่อมั่นในสิ่งที่ดีก็จะทำให้เขาไปถูกทางครับ