
สมัยนี้การออมเงินโดยการฝากเงินกับธนาคารดูจะเอ๊าต์ไปเสียแล้ว เพราะมีวิธีออมเงินหรือนำเงินไปลงทุนเพื่อให้ออกดอกออกผลมากมาย แต่ท่ามกลางวิธีที่หลากหลายนั้นก็ใช่จะเหมาะสมกับทุกช่วงวัย ดังนั้นเราจะมาแนะนำว่า นอกจากการเล่นหุ้นที่เริ่มเล่นได้เมื่อมีอายุบรรลุนิติภาวะแล้ว แต่ละช่วงวัยควรออมเงินหรือนำเงินไปลงทุนวิธีไหนที่เสี่ยงน้อยหรือโอกาสเจ็บตัวต่ำที่สุด

นักเรียน ด้วยเงื่อนไขเรื่องอายุที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้มากมายนัก นอกเสียจากได้รับการยินยอมจากพ่อแม่หรือผู้ปกครอง เช่น การเปิดบัญชีเงินฝากเป็นชื่อพ่อแม่หรือผู้ปกครอง แล้วต่อท้ายชื่อบัญชีว่าเพื่อใคร เป็นต้น อย่างไรก็ตามเงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้ก็แตกต่างกันไปตามแต่ละธนาคาร เพราะบางธนาคารก็ยินยอมให้เด็กเปิดบัญชีเป็นชื่อของตนเองได้ วิธีออมเบื้องต้นสำหรับเด็กจึงเป็นการเปิดบัญชีออมทรัพย์หรือฝากประจำ

นักศึกษา ถ้าอายุ 20 ปีบริบูรณ์ก็หมายความว่าบรรลุนิติภาวะแล้ว แต่ด้วยความที่ยังไม่มีรายได้แน่นอน การจะนำเงินไปลงทุนจึงยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง ทว่าวิธียอดนิยมในปัจจุบันก็คือ การลงทุนในกองทุนรวมต่างๆ ทั้งกองทุนเปิดและกองทุนปิด เพราะมีเงินเพียง 500 บาทก็สามารถเปิดกองทุนได้แล้ว ซึ่งธนาคารจะนำเงินเหล่านี้ไปลงทุนในประเทศหรือธุรกิจต่างๆ โดยผลตอบแทนที่ได้รับจะอยู่ในรูปเงินปันผลหรือกำไรส่วนต่าง

คนวัยเริ่มต้นทำงาน คนที่เพิ่งเริ่มทำงานรายได้อาจไม่สูงนัก ฐานรายได้จึงยังไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี การออมหุ้นจึงเป็นวิธีออมเงินหรือลงทุนที่อยากแนะนำ การออมหุ้นคือการซื้อหุ้นเป็นประจำทุกๆ เดือน โดยเลือกซื้อหุ้นตามที่โบรกเกอร์กำหนดให้ เช่น เบื้องต้นอาจซื้อสักเดือนละ 1,000 บาทไปเรื่อยๆ เป็นประจำทุกเดือน (แต่ถ้ามีรายได้มากขึ้น ก็สามารถซื้อเพิ่มได้) ผลตอบแทนที่ได้รับก็ขึ้น–ลงตามหุ้นเหมือนการเล่นหุ้น เพียงแต่ไม่เน้นการเก็งกำไร ซื้อมาขายไป หรือต้องคอยมอนิเตอร์สถานการณ์แบบคนเล่นหุ้น

คนวัยทำงานที่มีรายได้ถึงเกณฑ์จ่ายภาษี แน่นอนว่าสมควรลงทุนกับกองทุน LTF (Long Term Equity Fund) และ RMF (Retirement Mutual Fund) เพราะสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ นอกจากจะช่วยลดหย่อนภาษีแล้ว ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเหมาะสำหรับการออมเงินในระยะยาว โดยเฉพาะ RMF ที่เป็นการออมเงินระยะยาวเพื่อใช้ยามเกษียณ

คนวัยเกษียณ ถ้ามีเงินเก็บสักก้อนแล้ว ก็สามารถนำเงินไปต่อเงินได้หลากหลายวิธีตามแต่ความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นหุ้นหรือซื้อกองทุนเพิ่มไปเรื่อยๆ
บทความนี้เป็นไกด์ไลน์แบบกว้างๆ ในเบื้องต้นเท่านั้น ถ้าอยากลงทุนจริงๆ จำเป็นต้องศึกษารายละเอียดให้ถี่ถ้วน และจงจำประโยคท้ายโฆษณาเชิญชวนที่พูดรัวเร็วจนฟังแทบไม่ทันว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน” ให้ขึ้นใจ เพราะผลตอบแทนจากการลงทุนทุกประเภทมีความผันผวน จึงมีโอกาสทั้งได้กำไรและขาดทุนนั่นเอง